วิธีการดูแลผิว
หน้าสด ไม่แต่งหน้า จำเป็นต้องใช้คลีนซิ่งไหม?
ไม่แต่งหน้าต้องใช้คลีนซิ่งไหม คลีนซิ่งช่วยอะไรทำไมการทำความสะอาดผิวจำเป็นต้องใช้คลีนซิ่งเช็ดหน้า พร้อมแนะนำวิธีการใช้คลีนซิ่งที่ถูกต้อง
วิธีการดูแลผิว
ไม่แต่งหน้าต้องใช้คลีนซิ่งไหม คลีนซิ่งช่วยอะไรทำไมการทำความสะอาดผิวจำเป็นต้องใช้คลีนซิ่งเช็ดหน้า พร้อมแนะนำวิธีการใช้คลีนซิ่งที่ถูกต้อง
การใช้คลีนซิ่งเช็ดหน้า ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีในการทำความสะอาดผิวหน้าในชีวิตประจำวันของเรา เนื่องจากในแต่ละวันเราจำเป็นต้องทาครีมกันแดดและเครื่องสำอางหลากหลายชนิด โดยเฉพาะชนิดกันน้ำที่ติดทนอยู่บนผิวของเรา จึงจำเป็นต้องใช้คลีนซิ่งเช็ดเพื่อขจัดคราบเครื่องสำอางป้องกันการอุดตันในรูขุมขนและลดโอกาสในการเกิดสิว!
แต่หลายคนอาจสงสัยว่า ในบางวันที่เราเผยหน้าสด ไม่ต้องแต่งหน้าจัดเต็มออกจากบ้านหรือทาแค่ครีมกันแดดบาง ๆ ยังจำเป็นต้องใช้คลีนซิ่งเช็ดหน้าไหม หรือล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้าปกติก็เพียงพอแล้ว?
ในวันธรรมดาทั่วไปหลายคนอาจพักผิวด้วยการไม่แต่งหน้าหรือทาเพียงแค่สกินแคร์กับครีมกันแดดบาง ๆ เท่านั้น จึงคิดว่าไม่จำเป็นต้องใช้คลีนซิ่งในการทำความสะอาดผิวหน้าเหมือนวันที่แต่งหน้าก็ได้ แต่อันที่จริงแล้ว ถึงแม้ว่าเราจะเผยหน้าสดตลอดทั้งวันก็ยังจำเป็นที่จะต้องใช้คลีนซิ่งเช็ดหน้าตามปกติ เพราะถึงแม้เราจะไม่ได้แต่งหน้าแต่ในชีวิตประจำวันผิวหน้ายังต้องเผชิญกับมลภาวะหรือฝุ่นละอองที่มองไม่เห็น รวมถึงคราบเหงื่อ ไคล น้ำมันบนผิวหน้า รวมถึงซิลิโคนที่เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่การล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าหรือโฟมล้างหน้าเพียงอย่างเดียวไม่สามารถทำความสะอาดผิวให้สะอาดหมดจดได้นั่นเอง
คลีนซิ่ง (Cleansing) คือ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าที่สามารถขจัดคราบฝุ่น ควัน มลภาวะและคราบเครื่องสำอางต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นคลีนซิ่งน้ำ บาล์ม ครีม เจล ออยล์ มิลค์ รวมถึงคลีนซิ่งที่บรรจุแบบแผ่นเช็ดหน้าต่าง ๆ ที่สามารถเช็ดทำความสะอาดคราบสกปรกบนใบหน้าได้อย่างล้ำลึก ซึ่งการการล้างด้วยคลีนเซอร์หรือโฟมล้างหน้าเพียงอย่างเดียวไม่สามารถขจัดออกไปได้หมด ซึ่งหากทำความสะอาดผิวหน้าไม่ดีพอหรือไม่ได้ใช้คลีนซิ่งเช็ดหน้าก่อน อาจทำให้เกิดปัญหาผิวตามมา เช่น
1. มีโอกาสเกิดสิวได้ง่ายขึ้น
ในชีวิตประจำวันไม่ว่าจะต้องแต่งหน้าจัดเต็มหรือไม่แต่งหน้าเลย รวมไปถึงการสวมใส่แมสก์นาน ๆ ตลอดทั้งวัน บนผิวหน้าของเราจะมีความมันเกิดขึ้นได้ในระหว่างวัน ทั้งคราบเหงื่อและภาวะต่าง ๆ ที่เกาะอยู่บนผิว หากล้างหน้าไม่สะอาดหรือไม่ได้ใช้คลีนซิ่งเช็ดทำความสะอาดผิวอาจทำให้รูขุมขนเกิดการอุดตันและทำผิวเป็นสิวได้ง่ายมากขึ้น
2. เกิดริ้วรอยบนใบหน้า
ในหลายครั้งที่เราทำความสะอาดผิวด้วยโฟมล้างหน้าเพียงอย่างเดียวโดยไม่ใช้คลีนซิ่ง กลับพบว่าไม่สามารถล้างหน้าให้สะอาดได้ในครั้งเดียว ยังพบคราบเครื่องสำอางติดอยู่บนผิว โดยเฉพาะบริเวณเปลือกตา ร่องจมูกและริมฝีปาก ไม่ว่าจะเป็น คราบรองพื้น คราบอายไลน์เนอร์ หรือลิปสติกเนื้อแมตต์ที่มีความติดทน จึงจำเป็นต้องล้างหน้าหลายครั้งมากขึ้นเพื่อขจัดคราบเครื่องสำอางเหล่านี้ให้หมดไป ซึ่งการล้างหน้าหลายครั้งและการถูผิวแรง ๆ อาจทำให้ผิวเอี๊ยด แห้งตึง และขาดความชุ่มชื้น จึงทำให้ผิวเสื่อมสภาพเร็วและเกิดริ้วรอยได้ง่ายนั่นเอง
3. รูขุมขนกว้าง
หากปล่อยให้ผิวหน้ามีคราบเครื่องสำอางหรือคราบสกปรกติดอยู่โดยไม่ได้ใช้คลีนซิ่งเช็ดและล้างหน้าให้สะอาด อาจกระตุ้นให้ต่อมผลิตไขมันใต้ผิวหนังใหญ่ขึ้นจนทำงานผิดปกติและผลิตน้ำมันส่วนเกิน (Sebum) ออกมามากเกินความจำเป็นและทำให้รูขุมขนขยายกว้างมากขึ้น โดยเฉพาะบริเวณ T-Zone คือ แก้ม จมูก หน้าผาก เหนือปาก รวมไปถึงหูชั้นนอกหรือตามลำตัวได้ด้วยเช่นกัน
4. ผิวหน้าหมองคล้ำ ไม่สดใส
การล้างหน้าไม่สะอาดนอกจากจะทำให้มีโอกาสเกิดสิวได้ง่ายแล้ว ยังทำให้ผิวหน้าดูหมองคล้ำไม่สดใส จากการที่สิ่งสกปรกตกค้างอยู่ในชั้นผิว เซลล์ผิวเก่าไม่ได้ถูกผลัดออกไปและผิวหนังไม่สามารถรับการบำรุงได้อย่างเต็มที่ จึงทำให้ผิวหน้ามีความหมองคล้ำขึ้นนั่นเอง
หลายคนอาจไม่รู้ว่าคลีนซิ่งควรใช้ก่อนหรือหลังล้างหน้า ใช้ตอนไหนดีกว่ากัน? โดยการใช้คลีนซิ่งนั้นหลัก ๆ แล้วควรใช้เช็ดทำความสะอาดผิวก่อนการล้างหน้าด้วยโฟมหรือเจลล้างหน้า ซึ่งวิธีนี้เรียกว่าการล้างหน้าแบบ Double Cleansing สามารถทำได้ทั้งตอนเช้าและตอนเย็น ดังนี้
การเลือกใช้คลีนซิ่งควรเลือกสูตรที่มีความอ่อนโยนต่อผิวและสามารถทำความสะอาดผิวได้อย่างล้ำลึก โดยเลือกสูตรที่มีส่วนผสมที่ตอบโจทย์ต่อปัญหาผิวของตนเอง เช่น
Bioderma Sensibio H2O คลีนซิ่งสำหรับผิวแพ้ ระคายง่าย ผิวบอบบาง คลีนซิ่ง Biomimetic Micellar Water ที่โครงสร้างคล้ายคลึงกับผิวจริง ไม่มีสี ไม่มีน้ำหอม ปราศจากพาราเบนและสารกันเสีย รวมถึงมีค่า pH 5.5 สามารถทำความสะอาดผิวได้อย่างล้ำลึก โดยไม่ทำร้ายปราการผิว (Skin Barrier) พร้อมปกป้องจุลินทรีย์บนผิว (Microbiome) ให้มีความสมดุล ด้วยคุณสมบัติของน้ำตาลธรรมชาติบริสุทธิ์ (Pure Natural Sugar) และสารสกัดจากแตงกวา (Cucumber Fruit Extract) ช่วยมอบความชุ่มชื้นให้กับผิว ปลอบประโลม และเสริมปราการผิวให้แข็งแรง ไม่ไวต่อสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดการแพ้และระคายผิว
คลีนซิ่ง Bioderma สูตรอ่อนโยนสำหรับผิวผสมและผิวมัน ด้วยไมเซล่า วอเตอร์ โครงสร้างคล้ายคลึงกับผิว สามารถความสะอาดได้อย่างอ่อนโยน ขจัดคราบเครื่องสำอางล้ำลึกโดยไม่ทำร้ายปราการผิว มีส่วนผสมของ Zinc gluconate และ Copper Sulfate ช่วยควบคุมความมันบนใบหน้าและลดการสะสมของแบคทีเรียสาเหตุของการเกิดสิว พร้อม DAFTM PATENTED COMPLEX สิทธิบัตรเฉพาะของ Bioderma ช่วยลดผิวระคายและเสริมสร้างความแข็งแรงให้ผิว
คลีนซิ่งไมเซล่า วอเตอร์ที่มีส่วนผสมของ Glycerin ช่วยเสริมความชุ่มชื้นให้กับผิว พร้อมด้วย Xylitol และสารสกัดจากเมล็ดแอปเปิ้ล (Apple Seed Extract) ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นในผิวได้ยาวนาน สามารถทำความสะอาดผิวได้อย่างล้ำลึก ไม่ทำให้ผิวระคาย และเสริมปราการผิวให้แข็งแรง
คลีนซิ่งเป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่สามารถเช็ดขจัดคราบสิ่งสกปรกบนใบหน้าได้อย่างล้ำลึกใน 1 Step และมีความอ่อนโยนต่อผิว ซึ่งมีหลากหลายสูตรให้เลือกใช้ตามสภาพผิวของตนเอง โดยการใช้คลีนซิ่งเช็ดหน้ามีประโยชน์ต่อผิวหลายประการ ได้แก่
คลีนซิ่งมีหลากหลายประเภทให้เลือกใช้ตามความเหมาะสมของแต่ละสภาพผิว ซึ่งทุกคนสามารถใช้คลีนซิ่งได้ถึงแม้ว่าไม่ได้แต่งหน้าก็ตาม โดยสามารถใช้คลีนซิ่งเช็ดหน้าให้สะอาดก่อนการล้างหน้าตามปกติในทุก ๆ วัน เพื่อผิวหน้าที่สะอาด พร้อมเข้าสู่การบำรุงในขั้นตอนถัดไป แถมยังห่างไกลจากปัญหาสิวและปัญหาผิวกวนใจอื่น ๆ อีกด้วย